ความแตกต่าง ธุรกิจเครือข่าย (MLM) กับแชร์ลูกโซ่

ความแตกต่างระหว่างธุรกิจเครือข่าย (MLM) กับแชร์ลูกโซ่


ธุรกิจการตลาดขายตรงแบบหลายชั้น (Multi-Level Marketing หรือ MLM) คือ
ช่อง ทางการจัดจำหน่ายสินค้าช่องทางหนึ่งในการตลาด และการขายเท่านั้นเอง เพียงแต่มีลักษณะเฉพาะตัวเองบางอย่างที่แตกต่างออกไปบ้างจากธุรกิจประเภท อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของผู้จำหน่าย หรือที่เรียกว่า “มนุษย์ MLM” ซึ่งมหัศจรรย์มาก พวกเขาไม่ใช่ลูกจ้าง พวกเขาไม่มีเงินเดือน พวกเขาไม่มีนาย พวกเขาไม่มีลูกน้อง ไม่มีใครสั่งให้เขาทำงาน แต่พวกเขาและกลุ่มในธุรกิจของเขาต่างก้มหน้าก้มตากันทำงานอย่างขยันขันแข็ง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน กอดเกี่ยวกันไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน เป็นเครือข่ายใหญ่บ้างเล็กบ้าง จึงมีผู้เรียกธุรกิจ MLM นี้อีกอย่างหนึ่งว่า “ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย”


ทัศนคติ ต่อการทำธุรกิจ MLM เป็นของตัวท่านเอง ความนึกคิดและความรู้สึกของท่านจะสะท้อนออกมาในผลงาน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง ไม่มีบุคคลอื่นใด มิได้ขึ้นอยู่กับการศึกษาที่สูงกว่า หรือได้รับมรดกมาจากเครือญาติ หรืออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ดีกว่า หรือแม้กระทั่งเกิดมาด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่ได้เปรียบกว่า หรือที่เราเรียกว่าอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ดีกว่า ไม่มีใครที่จะมามีโอกาสมากกว่าท่านในการที่จะประสบความสำเร็จ เพราะธุรกิจ MLM ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันทุกประการ


ธุรกิจMLM ความสำเร็จเกิดจากความสามารถในการบริหารความอิสระ และความรับผิดชอบ ในธุรกิจนี้ทุกคนต้องบริหารเวลา โดยมีพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน คือ วันละ 24ชั่วโมง เหมือนกัน



ใน ธุรกิจ MLM ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ การขายระบบเครือข่ายไม่ใช่การรวยทางลัด หรือการรวยข้ามคืน ผู้ที่ร่ำรวยในธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ คือผู้ที่ค่อยๆเติบโตในธุรกิจโดยความเพียรพยายามที่สม่ำเสมอ และต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควร ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้เท่าเทียมกัน ในการที่จะทำรายได้สูงสุดโดยไม่มีขีดจำกัด ซึ่งเป็นการทำงานให้ตัวเองด้วยตนเองอย่างจริงจัง



การ ขายระบบเครือข่ายไม่ใช่ความสัมพันธ์ระบบลูกจ้างนายจ้าง แต่ท่านกำลังทำงานร่วมกับบริษัท ความสำเร็จของบริษัทขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวแทนจำหน่ายอิสระ และความสำเร็จของตัวแทนจำหน่ายอิสระก็ขึ้นอยู่กับการทำงานเป็นทีม การ ขายระบบเครือข่ายเป็นธุรกิจที่รายรับไม่ได้ขึ้นอยู่กับการชักจูงคนเข้าร่วม ธุรกิจซึ่งการให้ผลตอบแทนจากจำนวนสมาชิกที่ท่านแนะนำ (ค่าแนะนำ) เข้าสู่บริษัทซึ่งเป็นการผิดทั้งจรรยาบรรณและกฎหมาย ในธุรกิจนี้ท่านจะได้รับผลตอบแทนก็ต่อเมื่อ ตัวท่าน และสมาชิกในเครือข่ายสามารถกระจายสินค้าได้เท่านั้น เมื่อเริ่มต้นทำแล้วอย่าเหลียวมองข้างหลัง ให้เวลากับตัวเองอย่างน้อย 1ปี เลือกสินค้าและบริษัทเพียงบริษัทเดียว เพราะยังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจกับหลายๆบริษัทในเวลา เดียวกัน ธุรกิจนี้มีรากฐานมาจากความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ และผู้แนะนำ ถ้าท่านกำลังพยายามเหวี่ยงแห ท่านกำลังทำลายความน่าเชื่อถือของท่านเอง และอายุงานในธุรกิจเครือข่ายของท่านก็จะสั้นลงไปด้วย


ระบบพีรามิดผิดกฎหมาย (ระบบแชร์ลูกโซ่)


หลายๆ คน หลายๆหน่วยงานระบุว่าให้ระวังพีรามิดในการดำเนินธุรกิจขายตรงระบบเครือข่าย แต่ไม่มีใครออกมาอธิบายให้ชัดเจนว่าระบบดังกล่าวเป็นอย่างไร และแตกต่างจากระบบMLM อย่างไร ในบางกรณีผู้บริหารบริษัทMLM บางบริษัทเองก็ยังตอบคำถามนี้ได้ไม่ชัดเจน ระบบพีรามิด เป็นระบบฉ้อโกงในการทำรายได้ที่จำเป็นต้องมีผู้สมัครเข้าสู่ระบบดังกล่าว อย่างไม่มีวันสิ้นสุด จึงจะประสบความสำเร็จ เช่น นาย(ก) นำเงินจ่ายให้ผู้ที่แนะนำตนเข้าสู่ระบบ และแนะนำนาย(ข) จากนั้นนาย(ข) แนะนำนาย(ค) และก็จะได้รับเงินค่าแนะนำจากนาย(ค) ซึ่งแนะนำต่อไปเรื่อยๆ ส่วนรายได้จากแผนการตลาดจะมีการกำหนดจำนวนคนที่แนะนำเป็นจำนวนแน่นอน เช่น แนะนำ 10คน, 20คน กำหนดวันรับเงินค่าคอมมิชชั่นแน่นอน เช่น ทุกวันที่ 15 และ 30 ของเดือน การแนะนำเข้าสู่ธุรกิจไม่นิยมแนะนำผลิตภัณฑ์ จะชวนกันเรื่องแผนการตลาดเป็นส่วนใหญ่ กรรมวิธี ของระบบพีรามิดจะซับซ้อน แต่เป็นขั้นเป็นตอนและพลิกแพลงไปเรื่อยเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย ขอยกตัวอย่างที่พื้นฐานที่สุด เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ ในระบบนี้ผู้แนะนำจะขอให้กลุ่มเป้าหมายจ่ายเงินค่าสมัคร (สมมุติว่า 500บาท) ในค่าสมัคร 500บาทนี้ ผู้แนะนำจะได้รับ 200บาทเป็นค่าแนะนำ เมื่อสมัครแล้วก็จะทำการแนะนำคนอีก 10คน เข้าสู่ระบบโดยจ่ายเงินค่าสมัครคนละ 500บาทเช่นกัน ผู้แนะนำจะได้รับเงินจากค่าสมัครที่แนะนำเข้าสู่ระบบ 200 X 10 = 2,000 บาท ในขณะที่เขาจ่าย 500บาท คิดแล้วมีกำไร 1,500บาท หากจะทำให้ทุกคนได้รับเงิน จะต้องมีสมาชิกใหม่เข้าสู่ระบบตลอดกาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

ฉะนั้น ในระบบพีรามิดนี้จะมีคนเป็นจำนวนน้อยที่ได้รับเงินปริมาณมาก ขณะที่คนส่วนใหญ่จะเสียเงินตามที่ได้ลงทุนไป การที่ระบบพีรามิดถูกกำหนดว่าผิดกฎหมายเพราะการที่จะให้ผู้สมัครจ่ายเงินได้ นั้น ผู้แนะนำจะต้องบอกผู้สมัครผู้นั้นว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินลงทุน โดยเพียงแนะนำคนไม่ต้องขาย ไม่ต้องทำอะไร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ระบบในลักษณะดังกล่าวจึงเข้าข่ายการหลอกลวง ระบบพีรามิดได้ถูกกำหนดว่าผิดกฎหมายเพราะวิธีการชักจูงคนเข้าสู่ระบบ และทำให้บุคคลนั้นแนะนำบุคคลอื่นเข้าสู่ระบบ ซึ่งที่จริงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องทั้งแง่กฎหมายและคุณธรรม ระบบนี้ไม่ได้ผิดกฎหมายเพราะการให้เงินแก่บุคคลอื่นนั้นไม่ผิดกฎหมาย แต่ที่ระบบนี้ผิดกฎหมายเพราะเป็นระบบที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าจะสามารถได้รับ ผลตอบแทนโดยขอให้ผู้สมัครจ่ายเงินลงทุน ซึ่งตรงกับภาษากฎหมายว่า “ฉ้อโกง” โดยกระทำในลักษณะแยบยลต่างๆกัน ธุรกิจไหนเป็นพีรามิดหรือไม่ มีแบบกว้างๆให้พิจารณาได้ดังนี้

  • รายรับของสมาชิกต้องเกิดจากความสามารถในการกระจายสินค้าโดยตนเองและทีมงานเท่านั้น
  • สินค้านั้นจะต้องมีผู้บริโภคอย่างแท้จริง มิใช่ซื้อไปเพื่อหวังรายได้ตอบแทนแต่อย่างเดียว
  • บริษัทต้องไม่หวังทำกำไรจากค่าสมัครสมาชิก แต่ได้กำไรจากการจำหน่ายสินค้าเป็นหลัก




หัวใจ ของการตลาดระบบเครือข่าย คือ ผู้ขายจะต้องเคยใช้สินค้าชนิดนั้นมาแล้ว และเห็นว่าสินค้านั้นมีคุณประโยชน์จริงๆ จากนั้นจึงแนะนำสินค้าให้แก่ญาติมิตร โดยได้รับการแบ่งกำไรในการมีส่วนช่วยกระจายสินค้านั้นอย่างยุติธรรม อะไรก็ตามที่เข้าสู่ระบบ การนำเงินจากผู้สมัครใหม่ไปจ่ายให้แก่ผู้แนะนำโดยเงินนั้นมิได้มาจากการ กระจายสินค้าเพื่อบริโภค แต่กลับกลายเป็นเงินลงทุนโดยหวังผลตอบแทนที่มากกว่าเดิม ให้เข้าใจว่าระบบนั้น คือ ระบบพีรามิดจำแลง หรือไม่ก็ จอมปลอม

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Copyright 2009 TVI Express GoGo
BloggerTheme by BloggerThemes | Design by 9thsphere